มากกว่าการแข่งขันคือน้ำใจของเพื่อนผู้ร่วมแข่งขัน มิตรภาพดีๆ เกิดได้ทุกสถานที่ ทุกเวลา
วันนี้มิ้นท์ได้มีโอกาสมาลงร่วมการแข่งขันจักรยานทางไกล Bangkok Bike Thailand Challenge 2018 (สนามที่1) ณ สนามกอล์ฟ เลควิว รีสอร์ท แอนด์กอล์ฟ คลับ อ.ชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ในประเภท / Road Race ผู้หญิง Open B ระยะทาง 128 กิโลเมตรค่ะ
ซึ่งผู้หญิงประเภท Road Race ทั้งหมดปล่อยรวมตัวกัน พร้อมผู้ชายรุ่นอายุ 50 ปี เราออกตัวกันเวลาประมาณ 7.40 น. ซึ่งตั้งแต่เริ่มเป็นทางขึ้นๆลงๆเนิน
ที่นี่วิวสวยมาก ๆ มิ้นท์ว่าตอนช่วงเช้าวันนี้ยังไม่ร้อนเท่าไหร่ ปั่นไปกับกลุ่มหน้า จนเจอเนิน ความเร็วการแข่งขันในชั่วโมงแรกของเปโลตองความเร็วเฉลี่ย 38.6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ซึ่งเวลาคันข้างหน้าตั้งเพสขึ้นเนิน ทำให้ขบวนด้านท้ายหลุดไปเหลือจำนวนน้อยกว่าตอนปล่อยตัวจากจุดสตาร์ทเป็นเท่านึงเลยค่ะ เนินตอนช่วงชั่วโมงที่ 2 เยอะเอาเรื่อง และไม่หมูเลยที่จะโดนกระทุ้งขึ้นทุกเนิน
พอ 1 ชั่วโมงปุ๊บ ร่างกายมิ้นท์ เริ่มตื้อ ๆ สมองเริ่มไม่ค่อยสั่งการ เลยคิดว่าตัวเองน้ำตาลหมด จึงหยิบ Energy Gel ขึ้นมากินเพื่อเติมพลัง แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น แต่ทางมันขึ้นๆลงๆเขา ยากมากที่จะหยิบขนมปังโฮวีตที่เตรียมมา มาเคี้ยวตอนขึ้นเนิน
เพราะการทานขนมปังโฮวีตเปล่าๆมันช่างฝืดคอจริง ๆ แต่เอาก็เอาวะ!!! นี่มันคืออาการอาหารหมด ต้องเติมแป้งแล้ว กลั้นใจหยิบขนมปังโฮวีตที่หลังเสื้อมากัด เคี้ยว ๆๆๆ เคี้ยวเท่าไหร่ก็กลืนไม่ลง ยังไม่ทันกลืนเนินมาอีกแล้ว เนินนี้ชันซะด้วย โยกตัวซอยขาขึ้นเนิน ปากก็เคี้ยวอยากบอกว่าเปลืองพลังงานมาก ๆ พอไหลลงเนินมาได้หายใจเฮือกใหญ่ หยิบกระติกน้ำมากระดกน้ำตาม ทำให้ค่อยยังชั่วไปได้มาก
ไม่กี่นาทีขนมปังก็ทำหน้าที่ให้พลังงาน อยากบอกว่าเหมือนคนละเรื่องกับตอนก่อนกิน เพราะสำคัญมากสำหรับนักปั่น เวลาใช้พลังงานอาหารหมด ถึงเวลาไม่รู้ตัวว่าต้องเติม และไม่รู้สาเหตุว่าทำไมตัวเองถึงหมดแรง บอกเลยถ้ามิ้นท์ไม่ได้ขนมปังคำนี้ มิ้นท์ปั่นต่อไม่ไหวแน่ ๆ ค่ะ ขนมปังไม่ถึงแผ่นด้วยนะคะ เติมทีละนิด ไปเรื่อย ๆ กินทีเดียวเดี๋ยวจุกอ้วกแตกนะจ้ะ
ได้รับพลังงานมาละ เราก็สู้ไม่ถอยความเร็วของกลุ่มหน้าอยู่ที่ 35-42 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีช่วงลงเขาที่ 50+ บ้าง แต่ไม่ได้มาก เพราะทางลงไม่ยาว
เรายังตามกลุ่มหน้ามาได้จนมาเจอเนินยาว และหนักพอสมควรที่คนที่กำลังจะหมดแรงหลุดได้ ข้างหน้าเร่งขาขึ้นเนินนี้กันมา มิ้นท์เช็คได้ว่าเหลือคนในกลุ่มที่เป็นผู้หญิงรุ่น Open A 5 คน / รุ่น Open B เหลือ 3 คน ซึ่งมีมิ้นท์เป็น 1 ในรุ่นนี้ / มีผู้หญิงรุ่นอายุ 35 ปีขึ้นไป 2 คน และรุ่นผู้ชายอายุ 50 อีก 4-5 คน
จนพ้นยอดเนิน กิโลเมตรที่ 53 ผู้ชายรุ่น 50 เกิดผิดจังหวะล้ม แล้วเกี่ยวคนด้านข้างและด้านหลังล้มกันทั้งหมด รวมทั้งมิ้นท์ด้วย ซึ่งมิ้นท์เองตอนนั้นจำได้ว่าเห็นเหตุการณ์ ฝรั่งผู้ชายขาหลุดจากบันไดปั่น เซไปชนคันข้างๆแล้วมิ้นท์ตามหลัง มิ้นท์ตั้งสติจะหักหลบขวา แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก เพียงเสี้ยววินาที มิ้นท์โดนเกี่ยวล้มลงไปกับพื้นถนนด้วย หัวฟาดพื้น หมวกกันน็อคร้าว รู้สึกตอนนั้นรู้แต่ว่าเหมือนตัวเองเจ็บไปทุกส่วนแล้วก็จำอะไรไม่ค่อยได้อีกเลย…..
น้องในทีมที่มา Service ชื่อน้องแจนตามมาดู แจนเล่าให้ฟังว่ามิ้นท์ล้มนอนคว่ำหน้าไปกับพื้นตัวยังติดกับจักรยาน คือตอนนั้นมิ้นไม่รู้สึก ลืมช่วงเวลานั้นไปหมด แล้วมิ้นท์ถามแจนว่าที่นี่ที่ไหน? ถามน้องสองรอบจนน้องตกใจ และถามอีกว่าแล้วพี่มาแข่งจักรยานหรอ?? อันนี้จำไม่ได้จริง ๆ ว่าถาม แล้วทำไมต้องถามแบบนั้นไม่เข้าใจตัวเอง มาดึงสติได้ตอนตัวเองนอนบนเตียงในรถพยาบาลแล้ว ก็ขอโทรศัพท์จากแจนมา แล้วก็เริ่มนึกว่าอ๋อนี่เราล้ม หลังจากที่มิ้นท์ได้เข้ารับการเอกซเรย์ และสแกนสมองเรียบร้อยแล้ว อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะในตอนนี้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
แต่มิ้นท์อยากจะขอบคุณพี่สาวคนนึง คนที่ปั่นมาด้วยกันแล้วจอดช่วยมิ้นท์ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้ล้ม พี่บี Tantita พี่บีเป็นพยาบาล ที่ตอนมิ้นท์ล้มลง มิ้นท์จำได้ตอนเดียวคือรู้ว่าตัวเองไม่ได้ลืมตามองอะไร แต่หูได้ยินว่า หนูเป็นพยาบาล ๆ นั่นคือเสียงพี่บี นอกนั้นความทรงจำทุกอย่างก็วืดดับ แต่ค่อนข้างรู้ตัวว่ามีคนเอาแว่นกันแดดมาใส่ให้ เพราะในภาพแว่นสีฟ้าของมิ้นท์แตกกระจาย และแดดตอนที่นอนบนพื้นจ้าแสบตามาก
กลับมาได้โทรหาพี่บีเพื่อขอบคุณ จึงได้รู้ความว่า พี่บีจอดช่วย พร้อมพี่อุ้ย Kanlaya และพี่ ใหม่ Mai G-Strong ที่ล้มตามมิ้น พี่บีถอดแว่นกันแดดของพี่บีให้มิ้นท์ใส่ตอนที่มิ้นท์นอนรอรถพยาบาลที่จะเอาบอร์ดมารับ รอดูมิ้นท์อยู่พักใหญ่ พี่ ๆ บอกว่ารอรถพยาบาลใช้เวลาพอสมควร แต่ในความรู้สึกของมิ้นท์ตอนนั้น เหมือนล้มปุ๊บ ได้ขึ้นรถพยาบาลปั๊บ ความรู้สึกตอนนอนบนถนนไม่มีเลย พอขึ้นรถพยาบาลเจอพี่นุ้ย Natthamon ในรถด้วยกัน จึงทราบว่าพี่นุ้ยล้มด้วย
พี่บี พี่อุ้ย พี่ใหม่ ปั่นต่อ อีก 80 กว่ากิโล โดยที่พี่บีไม่มีแว่นกันแดด ตอนที่ขนวนล้มเวลา 11 โมงกว่า พอรู้ว่าพี่บีต้องปั่นไปต่อทั้ง ๆ ที่เสียสละแว่นกันแดดให้น้องที่นอนร้อน แต่อีกแปปเดียวจะขึ้นรถพยาบาลแล้ว ตัวเองต้องไปต่ออีกไกล เวลาก็จะเที่ยงแดดร้อนแสบตาขนาดนี้ มิ้นท์แทบร้องไห้ ซึ้งใจ และขอบคุณพี่สาวคนนี้ และพี่ๆทุกคนที่จอดช่วย ไม่รู้จะขอบคุณยังไง
แถมมีน้อง ๆ เพื่อนๆทีม Service Red baron ที่จอดช่วยเก็บของที่กระจัดกระจายของมิ้นท์ ขอบคุณบ้านหลังที่อบอุ่นหลังนี้มาก ๆ นะคะ
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อไม่ว่าเราจะระวังตัวเราเองดีแค่ไหน ก็เกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเพราะอะไร ไม่มีใครอยากให้เกิด
แต่ครั้งนี้มิ้นท์ว่ามิ้นท์ได้มิตรภาพที่สวยงามที่สุด แม้จะเจ็บตัว แต่ในทุก ๆ เรื่องมันมีความงดงามอยู่ในตัวมัน
ขอบคุณทีมงาน และทุกคนที่มิ้นท์ไม่ได้กล่าวถึงเพราะมิ้นท์ไม่ทราบ แต่อยากให้ทุกคนได้รับสิ่งดี ๆ และความอิ่มเอมใจเป็นการตอบแทนค่ะ
ขอบคุณจริง ๆ นะคะ
ถ้ามิ้นท์หายดีแล้วสัญญาว่าจะพาไปเที่ยว ปั่นในที่สวยๆอีกแน่นอนค่า