Taiwan, Here I come!! ไต้หวัน ฉันมาแล้วจ้า!
ใครที่ฝันว่าอยากมาปั่นเส้น Taroko National Park ไต่ขึ้นยอด Wuling เขาที่สูงที่สุดใน Taiwan สักครั้งในชีวิต แน่นอนเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่จัด KOM Challenge ระยะ 100 กิโลเมตร ความสูงประมาณ 3,275 เมตร หนึ่งในการแข่งขันที่ยากที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในเส้นทางที่อยู่ในหนังจักรยานชื่อดังอย่าง To The Fore อีกด้วย ขอบอกเลยว่าความยากระดับนี้ ความชันระดับนี้ ได้ยินกิตติศัพท์มานาน มิ้นท์ก็กลัวสิคะ
ทาโรโกะ หรือ อุทยานแห่งชาติทาโรโกะ (Taroko National Park / 太魯閣國家公園) หรือชื่อเล่น เขาหินอ่อน (Marble Mountain) เป็นอุทยานที่ใหญ่มากกกก กินพื้นที่ประมาณ 3 จังหวัดของไต้หวันคือ ฮัวเหลียน (Hualien) ไทจง (Taichung) และหนันโถว (Nantou)
ชื่อของ ทาโรโกะ (Taroko) นั้นตั้งตามชื่อของชนเผ่า Truku กลุ่มคนดั้งเดิมที่อยู่แถวนี้มาก่อน ที่น่าสนใจคือธรรมชาติของภูเขาและหุบเขาที่นี่ เกิดจากการชนอย่างรุนแรงของแผ่นเปลือกโลกยูเรเซียและแปซิฟิก คือแบบชนแรงมากจนดันขึ้นมาเป็นภูเขาสูงลิบมากกว่า 3,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล (สูงกว่าดอยอินทนนท์ในไทยอีกนะ)
ภูเขาชื่อดังที่นักปั่นทั่วโลกอยากจะมาพิชิตให้ทันเวลา ด้วยระยะที่ 100 กว่ากิโลเมตร กับเวลาที่จำกัดของงานแข่ง จึงทำให้ก่อนมาขึ้นมาค่อนข้างวาดฝันเอาไว้ว่า ตาย ๆ ขึ้นเขาตลอด 100 โลกิโลเมตร แถมต้องขึ้นให้เร็ว ต้องจอดพักรึป่าว ต้องกินอาหารจากกระเป๋าหลังตัวเองอย่างเดียวใช่ไหม
อะไรต่ออะไรก็คิดเองไว้ก่อน จนเรานั่งรถมาถึงทางขึ้น ถ่ายภาพหมู่กันสักนิด ไหว้ศาลด้านล่างขอพรสิ่งศักด์
แล้วเราก็เริ่มปั่นขึ้นมาเรื่อยๆ ความชันของเนินในช่วงแรกๆ ก็ 3 – 7% ค่อยๆไปได้ รักษากล้ามเนื้อไว้ไปให้ถึงความชันด้านบนของ Wuling ก้มหน้าก้มตาปั่น วิวก็มองบ้างแต่โฟกัสที่การปั่นซะมากกว่า
แต่ความกลัวนี้มลายหายไป เมื่อปั่นขึ้นมาแล้วเจอกับเก้าอี้ปิ้กนิ้ก กาน้ำร้อน กาแฟดริฟ ขนม ผลไม้ จากทางไกด์และทีมงาน #BoxMatchTravel ที่ดักรอตั้งที่พักเหนื่อยพร้อมอาหารให้เราตามจุดต่าง ๆ
เป้าหมายแรกของมิ้นท์ก่อนที่จะปั่นขึ้น คือต้องปั่นขึ้นไปให้ถึงยอดให้เร็วที่สุด มันจึงมีความกดดันว่ามันจะต้องโหด เหนื่อย ล้า แต่เราลืมคิดไปว่า ความจริงแล้ว เรามาที่นี่เพื่อมาเที่ยว ไม่ได้มาเพื่อแข่งขันกับใคร จะจอดพัก นั่งชมวิวบ้าง มันเพิ่มความสุขในการปั่นจักรยานได้ตั้งเยอะ
ดูสิ ปั่นมาเหนื่อย ๆ เจอคนดริฟกาแฟรอ ผลไม้สด ๆ ชื่นใจจริงเชียว
พักหลัง ๆ เราเสพแต่ความเหนื่อย ความทรมาน จนเคยชิน บางทีก็ลืมเรื่องเล็ก ๆ กับความสุขรอบตัวง่าย ๆ พวกนี้ไป ต้องขอขอบคุณทางทีมงานไต้หวัน ที่เปลี่ยนทัศนคติของมิ้นท์ไปโดยสิ้นเชิง
Taroko National Park ด้วยระยะทาง 100 กิโลเมตร ต้องไต่ความสูงประมาณ 3,275 เมตร ไม่แปลกที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภูเขาที่มีการจัดการแข่งขันที่ยากอันดับต้น ๆ ของโลก ด้วยระยะทางที่ไกล ทำให้เราต้องใช้พลังงาน ความสามารถ ทักษะการปั่นทรงตัวทั้งหมด ในการไต่เขาลูกนี้ให้ถึงยอดเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมง
ความชันไม่น่ากลัว แต่เราจะล้า ขา คอ และหลังเนี่ยแหละ ต้องพยายามประคองรักษามันให้ดี เพราะถ้าใน KOM Challenge เค้าจะกำหนดระยะเวลาตัดตัวในการขึ้นสู่ยอด ต้องขึ้นถึงยอดภายในระยะเวลา 6.30 ชั่วโมง มีจุดตัดตัวและรถเก็บนักปั่นที่ปั่นมาไม่ทันจุดตัดตัวจึงต้องแข่งกับเวลาด้วย
แต่ในเมื่อเรามาปั่นเที่ยว เราก็แค่ปั่นให้มันสนุก ชมวิว เก็บความสุขรอบๆทางกลับบ้านให้มากที่สุด อากาศในเดือนกันยายน ที่เราไปครั้งนี้อุณหภูมิประมาณ 26 องศา ไม่ร้อน ไม่หนาว ปั่นขึ้นได้เรื่อย ๆ 80 กิโลเมตรแรกนี่ไม่หนาวเลย
เมื่อเริ่มสูงขึ้นต้นไม้และดอกไม้บนภูเขาก็เริ่มมีสีสันสวยงามมากขึ้น มีแมลง และนกตัวน้อย ๆ อากาศอยู่ตามดอกไม้ริมผา ระยะทางช่วงกลาง ๆ ก็เริ่มมี 7 – 10 %
เมื่อเราปั่นขึ้นมาจนเหลือ 15 กิโลเมตรสุดท้าย อากาศจะเริ่มเย็นลง เบาบางลง จนเริ่มมีหมอกจาง ๆ และที่ความสูง 3,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล หมอกก็เริ่มปกคลุมวิวทิวทัศน์ เห็นเพียงเส้นทางขาว ๆ
ณ จุดนี้เริ่มชัน พอให้เราต้องพยายามให้กล้ามเนื้อหน้าท้องช่วย พลังขา กล้ามเนื้อทั้งหมดที่เราให้มาตลอดทาง ถ้าเหลือมากก็ได้ทำเวลาช่วงท้ายนี้หล่ะ ให้ขึ้นได้ไวกว่าคนที่ปั่นใช้กล้ามเนื้อจนพังก่อนหน้านี้
ยิ่งสูงขึ้นหมอกยิ่งหนา แต่ด้วยความชันช่วง 10 กิโลเมตรสุดท้ายประมาณ 11 – 19 % อากาศที่เย็นลงจึงไม่ถึงขั้นทำให้เราหนาว เพราะเราต้องรวบรวมพลังงานในการผ่านแต่ละเนินที่ต้องกดกันตัวงอ ทำให้ร่างกายอบอุ่นไปด้วย ส่วนมิ้นท์เองเหงื่อแตก ><
10 กิโลเมตรสุดท้าย ไม่โหดร้ายเกินไป เฟือง 32 ขึ้นมารอด แต่ก็ต้องเลื้อยขึ้นเนินท้ายๆมาน่าดู เมื่อมาถึงแล้วหยุดปั่น เราก็จะหนาวทันที คล้าย ๆ ตอนปั่นนี่นึกถึงยอดดอยอินทนนท์ ต้องรีบหาเสื้อกันหนาวมาใส่ และทีมไกด์ของเราก็ไม่ลืมที่จัดเตรียมชาร้อน น้ำซุปอุ่น และมาม่าเอาไว้รอตอนเราปั่นมาถึงยอด เพราะก็หิวได้ที่
และแล้ว Taroko National Park ครั้งแรกของมิ้นท์ ก็จบลงพร้อมกับความทรงจำที่แสนน่ารัก ทั้งวิวสวย ทั้งเพื่อนร่วมทางที่เราได้ผ่านความเหนื่อยมาด้วยกัน ไว้อยากจะท้าทายเมื่อไหร่ เราค่อยมาตอน Challenge เอาเนอะ ตอนนี้ก็มีความสุขดี
เอาจริงๆ ถ้าแบบนี้ Wuling ใครอยากขึ้นก็มาได้ ปั่นไปชมวิวไป จอดแวะพัก ขอให้เราสนุกกับมัน จะในรูปแบบไหนความสุขก็เกิดขึ้นเสมอ ?
และเมื่อมาไต้หวันทั้งที หากเราพักใน ไทเปล่ะ จะไปหาภูเขาให้ปั่นขึ้นได้ที่ไหน ?
บอกเลยไต้หวันเมืองจักรยานโดยแท้จริง เมืองหลวง ภูเขาก็แสนใกล้ เราเริ่มปั่นจากโรงแรมในเทเป ลัดเลาะริมแม่น้ำ สวนสาธารณะของเมือง
มีผ่านถนนบ้างแต่น้อยมาก ๆ ด้วยความเชี่ยวชาญของไกด์ชาวไต้หวันของเรา ของคุณ Mr. John
ประมาณ 16 กิโลเมตรจากในเมืองเรามาถึงเขาที่ชื่อว่า 大屯山主峰 -? Mount Datun Main Peak มีความสูง 1,076 เมตร ยาว 12 กิโลเมตร
มอง ๆ ไปช่วงแรกๆที่ปั่นขึ้น จะมีทัศนียภาพคล้าย ๆ เขาเขียว ต้นไม้หนาทึบ เขียวขจี เส้นทางจะไม่กว้างมาก พอ ๆ กับเขาเขียวบ้านเรา ความชันก็ 6 – 10 % เรื่อย ๆ
เมื่อปั่นขึ้นไปได้ครึ่งทาง วิวก็จะเริ่มเปิด และลมแรงมากกก แต่เป็นลมเย็นสบาย ต้องสู้กับความชันและลมไปพร้อม ๆ กัน และเมื่อมาถึงด้านบนใช้ระยะทาง 10 กิโลเมตรจึงจุดจอดรถและชมวิว ขึ้นส่วนใหญ่คนที่มาเที่ยวจะจอดกันที่ตรงนี้ แต่มีเส้นทางให้ขึ้นไปต่ออีก 2 กิโลเมตร
เราก็ไม่รอช้าที่จะขึ้นไป พอเลี้ยวขึ้นมาปุ๊บ 13% ทันที และก็ 13-20 % ยาวววววววไป
เส้นทางโค้งชัน พับไปพับมา และอากาศเริ่มหนาว
และแล้วเราก็ขึ้นมาถึงยอด ความชันของเขาลูกนี้เล่นเอาหอบเลย
สักพักเราลงมาปั่นขึ้นถ่ายรูปเล่นเนินสุดท้าย หมอกเริ่มหนาขึ้น
ในช่วงไหลลงเขาทางค่อนข้างชันและโค้งอันตราย ให้ใช้ความระมัดระวังในการลงเขา ส่วนมิ้นท์ไม่ลืมที่จะกดอัดคลิปจาก Xplova X5 Evo มาฝากเพื่อนๆทุกคนนะคะ และคลิปการไปปั่นและเที่ยวไต้หวันนี้ตั้งใจทำมาฝากเพื่อนๆทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนชอบเที่ยว หรือคนชอบปั่น เผื่อจะได้ไปเที่ยวด้วยกันในครั้งหน้า และทริปหน้ามิ้นท์จะพาไปเที่ยวหรือพาไปปั่นที่ไหน Xplova จะเก็บภาพวิดีโอสุดประทับใจมาฝากเพื่อนๆแน่นอนค่ะ รอติดตามชมนะคะ
#NitchaMint #RideExplorer #ผู้หญิงบ้าพลัง #XplovaEvoX5